Bless Clinic

สิวขึ้นเพราะอะไร? สาเหตุของการเกิดสิว พร้อมแนะนำวิธีการรักษารอยสิว

วิธีการ รักษารอยสิวที่ทิ้งไว้บนใบหน้า

วิธีการรักษารอยสิวที่ทิ้งไว้บนใบหน้า

สิว (Acne) เป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุเกิดมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด มลภาวะ การใช้สกินแคร์ชนิดต่าง ๆ หรือปัจจัยภายในอย่างการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เกิดจากกรรมพันธุ์ ซึ่งปัญหาสิวนี้สร้างความรำคาญ ลดความมั่นใจ และยังอาจทิ้งรอยสิวไว้บนใบหน้าได้อีกด้วย

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกสาเหตุที่พบบ่อยของการเกิดสิว ว่าเกิดจากอะไรบ้าง พร้อมแนะนำวิธีการรักษารอยสิวอย่างถูกต้อง

สิวมีกี่ประเภท?

สิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

  1. สิวอุดตัน (Non-inflammatory acne)
    สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมัน และสิ่งสกปรก มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีขาว เหลืองอ่อน หรือหัวสีดำ และไม่มีอาการอักเสบ
    • สิวหัวขาว (Whiteheads) : เป็นตุ่มนูนสีขาว แข็ง พบได้บ่อยบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง
    • สิวหัวดำ (Blackheads) : เป็นตุ่มนูนสีดำ พบได้บ่อยบริเวณจมูก หน้าผาก และคาง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และมีการเปิดออก ทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกสัมผัสกับอากาศ เกิดการออกซิไดส์กลายเป็นสีดำ
  2. สิวอักเสบ (Inflammatory acne)
    สิวอักเสบ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนร่วมกับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง เจ็บ และมีหนอง
    • สิวอักเสบตื้น (Papules) : เป็นตุ่มนูนสีแดง มีขนาดเล็ก หัวสิวมีลักษณะแข็งเมื่อนำมือไปสัมผัส และอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
    • สิวอักเสบหัวหนอง (Pustules) : เป็นตุ่มนูนสีแดง มีหัวหนองสีขาวตรงกลาง
    • สิวซีสต์ (Cysts) : เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ ลึก อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีอาการเจ็บปวดมาก
    • สิวอักเสบนูนแดง (Nodules) : เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ ลึก อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีอาการแข็ง และเจ็บปวดมากเมื่อสัมผัส

สาเหตุหลักของการเกิดสิว

สิว เกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ซึ่งมาจากไขมัน น้ำมันส่วนเกิน หรือเกิดการผลัดเซลล์ผิวผ่านท่อขนาดเล็กลงสู่รูขุมขนจนเกิดการอุดตัน เมื่อเกิดการสะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะก่อให้เกิดสิวตามมา โดยสาเหตุหลักของการเกิดสิว ได้แก่

  • น้ำมัน หรือส่วนของไขมัน (Sebum)
    น้ำมันที่ผลิตโดยต่อมไขมันใต้ผิวหนังชั้นบน มีส่วนสำคัญในการปกป้องผิว แต่เมื่อมีการผลิตมากเกินไป จะส่งผลให้รูขุมขนอุดตัน เกิดเป็นสิวอุดตัน (Non-inflammatory acne) เช่น สิวหัวเปิด สิวหัวปิด
  • เซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Dead skin cells)
    เซลล์ผิวที่ตายแล้วมักจะหลุดลอกตามธรรมชาติ แต่หากมีการผลัดเซลล์ผิวช้า เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะอุดตันรูขุมขน ร่วมกับน้ำมันส่วนเกิน เกิดเป็นสิวอุดตันเช่นกัน
  • แบคทีเรีย (Bacteria)
    แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง โดยเฉพาะในรูขุมขน เมื่อมีน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสม แบคทีเรียชนิดนี้จะเจริญเติบโต ก่อให้เกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบ (Inflammatory acne) เช่น สิวหัวหนอง สิวอักเสบ
  • การอักเสบ และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย (Inflammation and immune response)
    เมื่อรูขุมขนอุดตัน มีแบคทีเรียเจริญเติบโต ร่างกายจะตอบสนองด้วยการอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บ นำไปสู่การเกิดสิวอักเสบ

รอยสิว เกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาอย่างไร?

รอยสิว คือผลกระทบที่เกิดจากการอักเสบของสิว ส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นทั้งหลุมสิว รอยดำ รอยแดง ซึ่งรอยสิวเหล่านี้รักษาได้ยาก ใช้เวลานาน โดยปกติแล้วสาเหตุของการเกิดรอยสิว ได้แก่

  • เกิดจากการแกะ เกา บีบสิว เป็นการทำร้ายผิว ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
  • เกิดจากการอักเสบของสิว สร้างเม็ดสี melanin มากผิดปกติ ทำให้เกิดรอยดำ
  • เกิดจากการสัมผัสแสงแดด ส่งผลให้รอยดำเข้มขึ้น ยากต่อการรักษา

ประเภทของรอยสิว

รอยสิว สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • รอยแดง (Post-inflammatory erythema) : มีลักษณะเป็นรอยแบน ๆ สีแดง มักเกิดจากสิวอักเสบ รักษาได้ง่ายมากที่สุด ซึ่งหายได้เองภายใน 3-6 เดือน
  • รอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation) : มีลักษณะเป็นรอยสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากการอักเสบของสิว กระตุ้นให้เซลล์ melanocyte สร้างเม็ดสี melanin มากผิดปกติ
  • หลุมสิว (Atrophic scar) : มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลึก เกิดจากการอักเสบของสิวชั้นลึก ที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน และเป็นลักษณะของรอยสิวที่รักษาได้ยากมากที่สุด จะต้องรักษาโดยการทำเลเซอร์เท่านั้น

วิธีการรักษารอยสิว

รอยสิว ถึงแม้จะเป็นปัญหาสุดกวนใจ และรักษาให้หายขาดได้ยากกว่าสิว แต่ในปัจจุบันนี้มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย ซึ่งเห็นผลได้จริง โดยมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

  • เลเซอร์
    การเลเซอร์ เป็นวิธีที่รักษารอยสิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน สามารถช่วยลดรอยแดง รอยดำ รอยนูน และหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลเร็ว และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • การผลัดเซลล์ผิว
    การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี เช่น กรดผลไม้, AHA, BHA สามารถช่วยให้รอยสิวจางลงได้ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และผิวสม่ำเสมอกันทั่วทั้งใบหน้า
  • การฉีดฟิลเลอร์
    การฉีดฟิลเลอร์จะนิยมใช้ฉีดเพื่อรักษาหลุมสิว โดยสามารถช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นาน
  • การทายา
    เลือกยาทาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ (Retinoids), กรดผลไม้ (AHAs) หรือไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ตัวยาเหล่านี้สามารถช่วยลดรอยดำ รอยแดง ได้ แต่จะต้องทาเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว
  • การดูแลผิว
    สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น ทาครีมกันแดด ล้างหน้าอย่างถูกวิธี ทาครีมบำรุงผิว ก็จะช่วยลดโอกาสในการเกิดรอยสิวใหม่ได้

สิวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การดูแลผิวอย่างถูกวิธีและเลือกวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยลดโอกาสเกิดสิวและรอยสิวได้ หากมีปัญหาสิวเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง

หากกำลังมองหาคลินิกที่น่าเชื่อถือ แนะนำที่ Bless Clinic สถาบันเสริมความงามที่มีการบริการด้านความงามที่ครบวงจร โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ตัวยาและเครื่องมือแท้ ปลอดภัย ผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งที่ Bless Clinic ใช้เครื่อง Pico Laser รุ่นล่าสุด ในการรักษารอยสิว หลุมสิว รูขุมขนกว้าง ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน และยังมีจุดเด่นอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ

  • มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ มีประสบการณ์ด้านความงามมายาวนาน พร้อมให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด
  • มีบริการครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การทำเลเซอร์ และการดูแลหลังการทำเลเซอร์
  • Bless Clinic ใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
  • ให้บริการอย่างเป็นกันเอง ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด
รักษารอยสิว เลือก Bless Clinic